เมื่อตอนที่แล้ว [Part 1] ได้เกริ่น เรื่อง Tense ให้ฟังแล้วว่า มันคือ รูปแบบในภาษาอังกฤษที่บ่งบอกถึงเรื่องสถาณการณ์ต่างๆในการใช้ ภาษาไม่ว่าจะพูด ฟัง อ่าน เขียน ที่ผู้ส่งสารต้องการบอกผู้รับสาร ให้เข้าใจตรงกัน โดยในภาษาอังกฤษรูปแบบประโยคจะเปลี่ยนรูปไปเลยซึ่งจะแตกต่างกับภาษาไทยที่เราใช้ประโยคเดิมแต่มีคำอื่นๆมาช่วยบอกสถานการณ์ โดย Tense ยังแบ่ง ออกเป็น 3 ชนิดหลักๆ ครั้งนี้จะพูดถึง Present Tense อย่างเพียวๆ เพื่อเน้นความเข้าใจและนำไปใช้อย่างถูกต้อง เพราะฉะนั้นเรามาทำความรู้จักกับ Present Tense กันเถอะ
Present Tense มีความหมายว่า ปัจจุบันกาล นั่นแสดงถึงว่าเป็น รูปประโยคที่บ่งบอกถึงปัจจุบัน ช่วงเวลานี้ ตอนนี้ ขณะนี้ หรืออะไรที่เป็นจริง ความจริง ซึ่ง Present Tense ยังแบ่งออกเป็น 4 แบบย่อยๆอีก ดังนี้
1. Present Simple Tense Subject + V.1
• ใช้กับเหตุกาณ์ที่เป็นความจริงเสมอ (Facts) เช่น Sugar is sweet.
• ใช้กับการกระทำที่เป็นกิจวัตรประจำวันหรือสิ่งที่ทำจนเป็นนิสัย (Routine &Habit) เช่น A black dog sleeps on the roof.
• ใช้กับเหตุการณที่เป็นความจริงขณะพูด
2. Present Continuous Tense Subject + is, am, are + V.1 เติม ing
• ใช้กับสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ในขณะที่พูดหรือกระทำที่กำลังดำเนินการอยู่ เช่น I am having dinner at this moment.
• ใช้กับสิ่งที่กำลังกระทำในช่วงนั้น เช่น I am studying in the second year.
• ใช้บอกอนาคตอันใกล้ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เช่น She is going to cook breakfast tomorrow morning.
• ใช้ในการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำๆและบ่อยเกินไป เช่น Peter is constantly sleeping at work time.
3. Present Perfect Tense Subject + have, has + V.3
• ใช้กับประสบการณ์ เช่น I have lived in Bangkok since 2006.
• ใช้กับผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลง
• ใช้กับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เช่น The rain has just stopped.
• ใช้กับเหตุการณ์ที่กินเวลามาถึงปัจจุบัน
4. Present Perfect Continuous Tense Subject + have, has + been + V.1 เติม ing
• ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน คล้ายกับ Present Perfect แต่จะเน้นความต่อเนื่องของเวลามากกว่า เช่น you don’t understand because you have not been listening.
• ใช้บอกสาเหตุของผลที่เกิดขึ้นโดยสาเหตุนั้นได้ดำเนินมาจากอดีตและเพิ่งเสร็จสิ้นไปไม่นานในปัจจุบัน
จากข้อย่อยๆ ทั้ง 4 ข้อของ Present Tense ที่ยกตัวอย่างและวิธีการนำไปใช้ มาให้ดูสามารถเข้าใจง่ายแล้วสามารถนำไปประยุกต์ได้อย่างถูกวิธี และยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมี Past Tense อดีตกาล [Part 3] มาสอนให้เข้าใจอีกว่ามีวิธีการใช้อย่างไรบ้าง
โปรดติดตามต่อ….
To be continued….