มารู้จักการวัดระดับภาษาแบบ CEFR Level

มีเพื่อนๆคนไหนเคยได้ยินหรือเคยอ่านเจอเกี่ยวกับระดับการวัดของภาษาที่เป็น ระดับ B1 B2 A1 A2 ลักษณะแบบนี้กันบ้าง ลักษณะการวัดทักษะของภาษาแบบนี้เราเรียกว่า Common European Framework of Reference หรือเรียกได้เป็นชื่อย่อๆว่า CEFR ซึ่งใช้กันในยุโรปและภาษาที่พูดกันในยุโรปด้วย ซึ่งจะมีการแบ่งเป็นแต่ละระดับของภาษา

โดยหากเราเอา CEFR มาเทียบกับคะแนน IELTS ที่เรารู้จักกันก็ได้ดังนี้ โดยระดับ CEFR จะอยู่ทางซ้ายมือสุด และหากเปรียบเทียบกับ IELTS ที่อยู่ด้านขวามือสุดก็จะได้ดังรูป

โดยเราจะเห็นว่า CEFR จะมีการแบ่งเป็น Basic user, Independent user และ Proficient user จากด้านล่างของรูปซึ่งเป็น Basic ขึ้นไปจนถึง Proficient
นอกจากนี้ในแต่ละระดับของ CEFR จะมีการแบ่งลงไปอีก

Pre-A1, A1 (Beginner), A2(Elementary) เป็นระดับพื้นฐานเบื้องต้น Basic
A1 นั้นหมายถึงผู้เรียนสามารถเข้าใจและใช้งานคำพูดและประโยคพื้นฐานได้แต่อาจจะใช้ผิดบ้างต้องมีคนแก้คำให้ สามารถแนะนำตัว ถามคำถามพื้นฐาน และโต้ตอบได้โดยอาจจะต้องพูดให้ช้าๆและชัดเจนเพื่อสื่อสาร

A2 ผู้เรียนสามารถเข้าใจประโยคและใช้งานประโยคในระดับปานกลางขึ้นมา สามารถสื่อสารในชีวิตประจำวันได้

B1 (Intermediate), B2(Upper-Intermediate) เป็นระดับ Independent
B1 ผู้เรียนสามารถเข้าใจใจความสำคัญของของการสื่อสาร สามารถสื่อสารในหลายๆสถานการณ์ในระหว่างท่องเที่ยวไปในจุดต่างๆได้ รวมไปถึงพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ เหตุการณ์ เหตุผลอธิบายความคิดเห็นและวางแผนได้

B2 ผู้เรียนสามารถเข้าใจใจความสำคัญของของการสื่อสาร สามารถสื่อสารเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆร่วมถึงด้านเทคนิค พูดคุยได้คล่องและตอบโต้ได้อย่างปกติ พูดคุยได้หลากหลายเรื่องหลากหลายหัวข้อมากขึ้น

C1 (Advanced), C2(Proficiency) เป็นระดับสูง Proficient
C1 ผู้เรียนสามารถเข้าใจเรื่องราวได้หลากหลายมิติมากขึ้น รวมถึงความประโยคที่ยาวขึ้นและการมีความหมายแฝงต่างๆ สามารถพูดถึงเรื่องที่ซับซ้อนมีการจัดเรียงประโยคได้ดี

C2 ผู้เรียนสามารถสรุปเรื่องราวได้อย่างคล่องแคล้วและอธิบายเรื่องราวในอีกมุมมองหรือซับซ้อนได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากภาษาอังกฤษเองที่แบ่งตามแบบ CEFR แล้วในภาษาอื่นๆในยุโรปเช่นภาษาเยอรมันหรือฝรั่งเศสก็จะมีการแบ่งแบบ CEFR เช่นเดียวกัน ซึ่งทำให้การแบ่งตามมาตรฐาน CEFR ทำการจำแนกและประเมิณผู้เรียนให้พัฒนาตามลำดับขั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น