เราเคยเรียนเรื่อง Tense มาตั้งแต่เด็กยันโต ก็เรียนแต่แบบเดิมๆ ซ้ำๆ ทุกวัน แต่ท้ายที่สุดก็เรียนเพื่อสอบแล้วก็ลืมว่าจะนำไปใช้อย่างไรเวลาพูด เวลาเขียน เพราะฉะนั้นเรามาทำความรู้จักเจ้า Tense ให้เข้าใจกันเสียก่อนที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเรา กันดีกว่า
Tense คือ อะไร ?? Tense ถ้าแปลตรงๆ แปลว่า กาลเวลา โดย Tense ในภาษาอังกฤษก็คือ รูปแบบหรือโครงสร้างของกริยา ที่แสดงให้เราทราบว่า การกระทำหรือเหตุการณ์ นั้นๆเกิดขึ้นเมื่อใด
ซึ่งเรื่อง Tense นี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราใช้ Tense ไม่ถูก เราก็จะสื่อภาษาไม่ได้หรือไม่เข้าใจ เนื่องจากประโยคภาษาอังกฤษนั้นจะอยู่ในรูปของ Tense เสมอ ซึ่งต่างกับภาษาไทยของเราที่จะมีข้อความบ่งบอกว่าเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นในช่วงเวลาใดมาช่วยเสมอ แต่ภาษาอังกฤษจะใช้รูป Tense นี้มาเป็นตัวบอก ตัวอย่างประโยค ภาษาอังกฤษ เทียบกับภาษาไทย
>>>> I am playing football now. = ฉันกำลังเล่นฟุตบอล
>>>>I played football yesterday. = ฉันเล่นฟุตบอลเมื่อวานนี้
ดังนั้นการเข้าใจเรื่อง Tense จึงเป็นเรื่องจำ เป็นอย่างยิ่ง เรามาดู Tense ในภาษาอังกฤษ แบบคร่าวๆกันก่อนที่จะลงลึกในแต่ละตัว
Tense แบ่งเป็น 3 ชนิดใหญ่ๆ และแต่ละ Tense ก็แบ่งย่อยอีกอย่าละ 4 แบบ ดังนี้
1. Present Tense ปัจจุบันกาล
– Present Simple Tense ธรรมดา (ง่ายๆตรงๆไม่ซับซ้อน)
-Present Continuous Tense กำลังกระทำอยู่(กำลังเกิดอยู่)
-Present Perfect Tense สมบูรณ์ (ทำเรียบร้อยแล้ว)
-Present Perfect continuous Tense สมบูรณ์กำลังกระทำ(ทำเรียบร้อยแล้วและกำลัง ดำเนินอยู่ด้วย)
2. Past Tense อดีตกาล
-Past Simple Tense
-Past Continuous Tense
-Past Perfect Tense
-Past Perfect continuous Tense
3. Future Tense อนาคตกาล
-Future Simple Tense
-Future Continuous Tense
-Future Perfect Tense
-Future Perfect continuous Tense
เป็นไงกันบ้างนี่เป็นแค่ภาพรวมกว้างๆ ของ Tense ก่อนที่เราจะเจาะลงไปในแต่ละตัวเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น แล้วนำมาใช้ได้อย่างมั่นใจ โดยจะเจาะลึกรายละเอียดใน [Part 2] ว่า Present Tense หรือปัจจุบันกาลคืออะไร มีวิธีการใช้และเทคนิคการจำง่ายๆ อย่างไรบ้าง
โปรดติดตามต่อ….
To be continued….