Tense คือ อะไร? [Part 3] ว่าด้วยเรื่อง Past Tense ทำความเข้าใจ และเทคนิคการจดจำนำไปใช้แบบง่ายๆ

ครั้งนี้จะมาพูดถึงเรื่อง Past Tense หรืออดีตกาล โดยรูปแบบในภาษาอังกฤษที่บอกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว หรือเกิดขึ้นในอดีต ภาษาอังกฤษก็จะแตกต่างกับกับประโยคในภาษาไทยอย่างที่บอกไปแล้วใน [Part1] และ [Part2] ที่ว่าภาษาไทยเรานั้นจะมีคำขยายหรือคำบ่งบอกว่าเหตุการณ์นั้นๆเกิดขึ้นช่วงเวลาใด ในขณะที่ภาษาอังกฤษบางครั้งจะไม่มีคำบ่งบอกแต่จะใช้วิธีการผันกิริยาในประโยคนั้นๆ ให้เข้าใจว่าเนี่ยที่กำลังพูดอยู่ไม่ได้เป็นเรื่องปัจจุบันนะและไม่ได้เป็นเรื่องในอนาคตด้วย แต่เป็นเรื่องในอดีตเป็นการชี้เฉพาะให้ผู้ฟังเข้าใจ ซึ่ง Past Tense ก็ยังคงแบ่งออกเป็น 4 แบบย่อยๆเช่นกันดังนี้ (นี่จะเป็นรูปแบบประโยค วิธีการนำไปใช้ในแต่ละเหตุการณ์ของอดีตการณ์ เพื่อให้เข้าใจง่ายเพิ่มมากขึ้น)
1.    Past Simple Tense        Subject + V.2
•ใช้กับการกระทำที่จบเสร็จแล้วไปในอดีต เช่น He played football  yesterday.
•ใช้กับกิจกรรมหรือกิจวัตรประจำวันที่ทำสม่ำเสมอในอดีต เช่น Aum went to school by bicycle when she lived in Lampang Province.
•ใช้ในเหตุการณ์ที่ขัดจังหวะสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่คู่กับ Past Continuous
2.    Past Continuous Tense        Subject + was, were + V.1 เติม ing
•ใช้ร่วมกับ Past Simple Tense เพื่อแสดงถึงเหตุการณ์ในอดีตที่กำลังดำเนินอยู่แล้วมีสิ่งหนึ่งเข้ามาขัดจังหวะ เช่น His mobile phone rang, while we were seeing movie yesterday.
•ใช้บอกการกระทำที่กำลังกระทำอยู่ในอดีตเช่น Nan was going to the bank at 10 a.m. in the morning.
•ใช้แสดงการกระทำคู่ขนานกันไปในอดีต เช่น I was studying English while you were studying Japanese.
3.    Past  Perfect Tense        Subject + had+ V.3
• ใช้เมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดก่อน Past Simple เช่น I had drunk some milk before the school bus came.  หรือ We went out for a walk after we had eaten dinner. สังเกต เทคนิคจำง่ายๆว่า Past  Perfect Tense จะอยู่หน้า before หรือไม่ก็จะอยู่หลัง after
4.    Past Perfect Continuous Tense      Subject + had been  + V.1 เติม ing
• ใช้บอกสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น Mary was angry. she had been waiting for Jack for 2 hours.
• ใช้แสดงการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงก่อนอีกการกระทำหนึ่งในอดีต เช่น I had been traveling in Thailand for 3 weeks before I flew to Japan.
เป็นอย่างไรกันบ้างได้ ได้ย้อนอดีตกันไปถึงไหนแล้ว จากที่บอกมาข้างต้นสามารถนำไปใช้ได้หลากหลายสถานการณ์เลยทีเดียว เชื่อว่ามีประโยชน์กับใครหลายคนอย่างแน่นอน สำหรับใครที่สงสัยเรื่องอนาคต เตรียมตัวติดตามกันต่อได้ [Part 4] กันได้เลย จะเป็นเรื่อง Future Tense หรืออนาคตกาลนั่นเอง

โปรดติดตามต่อ….

To be continued….